
Net Metering คืออะไร?
Net Metering คือ ระบบการวัดไฟฟ้าแบบสุทธิ ซึ่งจะหักลบอัตราการใช้ไฟตามจริงสำหรับบ้านที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเองโดยพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ เมื่อมีการผลิตไฟฟ้าเกินความต้องการก็จะสามารถเก็บเป็นเครดิตส่วนลดค่าบิลไฟฟ้า ด้วยการคืนพลังงานไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนกลางได้
แล้ว Net Metering ทำไมถึงเหมาะกับผู้ที่ใช้โซล่าเซลล์หรือพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ? ด้วยหลักการทำงานของโซล่าเซลล์เป็นการแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าที่จะมีการผลิตกระแสไฟฟ้าตลอดวันตามกำลังวัตต์ ซึ่งประสิทธิภาพการผลิตปริมาณไฟฟ้านี้จะรวมไปถึงการใช้อินเวอร์เตอร์ด้วย โดยเฉพาะ Smart Solar Inverter ที่สามารถทำงานได้ดีแม้ได้รับแสงน้อย ดังนั้นหากมีปริมาณไฟฟ้ามากกว่าปริมาณที่ใช้ Net Metering ก็จะทำให้ทราบปริมาณไฟฟ้าที่ส่วนเกินที่จะทำการส่งเข้าระบบไฟฟ้าส่วนกลาง หรือเก็บเป็นเครดิตส่วนลดค่าไฟฟ้ารอบบิลถัดไปได้

ข้อแตกต่างระหว่าง Net Metering และ Bill Metering
คนที่ติดตั้งโซล่าเซลล์อาจเคยได้ยินเรื่องขายคืนไฟฟ้ามาบ้างแล้ว ซึ่งในประเทศไทยมีระบบ Bill Metering ที่รองรับการขายคืนไฟฟ้าส่วนเกินให้กับการไฟฟ้า แต่จะมีข้อแตกต่างกันระหว่าง Net Metering คือ ระบบ Bill Metering จะขายคืนในรูปแบบเงิน แต่ Net Metering ขายคืนเป็นเครดิตหน่วยไฟฟ้า
โดยข้อแตกต่างระหว่าง Net Metering และ Bill Metering มีดังนี้
Net Metering | Bill Metering |
ใช้มิเตอร์ดิจิทัล หรือระบบจานหมุน 2 ทิศทาง | ใช้มิเตอร์ดิจิทัล |
ขายคืนเครดิตไฟฟ้าในรูปแบบหน่วยไฟฟ้า (kWh) | ขายคืนเครดิตไฟฟ้าในรูปแบบเงิน (หน่วยละ 2.2 บาท) |
ค่าไฟคิดเป็นราคาปลีกจากการไฟฟ้า ทั้งส่วนที่ใช้เองและส่วนที่ขายคืน | ค่าไฟที่ใช้เองคิดเป็นราคาปลีกจากการไฟฟ้า ค่าไฟที่ขายคืนคิดตามนโยบายที่กำหนด |
มิเตอร์วัดแบบสุทธิแล้ว หักลบจากไฟฟ้าที่ขายคืน | มิเตอร์วัดแยกส่วนที่ใช้ และส่วนที่ขายคืนระบบ |

หลักการทำงาน Net Metering และวิธีคำนวณ
การทำงานของ Net Metering ก็เหมือนกับการวัดปริมาณการใช้ไฟแบบมิเตอร์ทั่วไป แต่เมื่อครบรอบบิลแต่ละเดือน หน่วยไฟฟ้าที่ออกมาจะเป็นไฟฟ้าที่ทำการหักลบเรียบร้อยแล้ว โดยมีระบบการทำงาน ดังนี้
- แผงโซล่าเซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้า
- หากมีการผลิตไฟฟ้ามากกว่าปริมาณที่ใช้ ไฟฟ้าส่วนเกินจะถูกส่งคืนเข้าไฟฟ้าส่วนกลาง
- Net Metering หักลบปริมาณไฟฟ้าที่เข้าและออกจากระบบ ได้เป็นปริมาณไฟฟ้าสุทธิ
- ไฟฟ้าที่ส่งคืนเข้าระบบกลายเป็นเครดิตหรือส่วนลดค่าไฟฟ้าในรอบบิลถัดไป
ตัวอย่างการคำนวณค่าไฟแบบ Net Metering
เพื่อทำความเข้าใจในระบบ Net Metering มากขึ้น ลองมาดูวิธีคำนวณค่าไฟสุทธิกันว่าจะมีประโยชน์กับผู้ที่ติดตั้งโซล่าเซลล์อย่างไรบ้าง
ตัวอย่างการคำนวณค่าไฟ
อ้างอิงจากค่าไฟปัจจุบัน (07/01/2025) หน่วยละ 5.1 บาท
ใช้ไฟฟ้า 1,800 หน่วย/เดือน (60 หน่วยต่อวัน)
ค่าไฟต่อเดือนอยู่ที่ 9,180 บาท
ติดตั้งโซล่าเซลล์ขนาด 10 กิโลวัตต์
กรณีใช้ไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ปกติ
หากติดโซล่าเซลล์ขนาด 10 กิโลวัตต์ และใน 1 วันรับแสงแดดได้ 5 ชั่วโมง จะเท่ากับว่าโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าได้วันละ 50 หน่วยต่อวัน และ 1,500 หน่วยต่อเดือน
ดังนั้นจะนำอัตราค่าไฟฟ้า x จำนวนไฟฟ้าที่โซล่าเซลล์ผลิตได้ เป็น 5.1 x 1,500 = 7,650
ส่วนต่างค่าไฟฟ้าที่ต้องชำระ 1,530 บาท
กรณีโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้ามากกว่าปริมาณที่ใช้
หากติดตั้งโซล่าเซลล์ขนาด 10 กิโลวัตต์ พร้อมด้วย Smart Solar Inverter และมี Smart Solar Controller ที่ช่วยควบคุมการจ่ายไฟ หรือเซนเซอร์ต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตไฟฟ้า จากปกติผลิตไฟฟ้าได้สูงสุด 5 ชั่วโมงต่อวัน กลายเป็น 7.5 ชั่วโมง ก็จะได้เป็นส่วนต่างความคุ้มค่าดังนี้
อัตราการผลิตไฟฟ้า x กิโลวัตต์ : 7.5 x 10 = 75 หน่วย/วัน 2,250 หน่วย/เดือน
ใช้ไฟฟ้าเดือนละ 2,000 หน่วย เท่ากับมีเครดิตไฟฟ้า 250 หน่วย
ดังนั้นในรอบบิลถัดไป ปริมาณไฟฟ้าส่วนเกิน 250 หน่วยจะนำไปหักลบกับปริมาณไฟฟ้าในเดือนถัดไป เช่น
เดือนถัดไปใช้ไฟฟ้า 3,000 หน่วย โซล่าเซลล์ผลิตได้ 2,250 หน่วย ได้เป็นส่วนต่างไฟฟ้าที่ต้องใช้จากส่วนกลาง 750 หน่วย เป็นค่าไฟจำนวน 3,825 บาท
แต่มีเครดิตไฟฟ้าอยู่ 250 หน่วย เมื่อนำไปหักลบกันก็จะเป็น 750 – 250 = 500 หน่วย เป็นค่าไฟ 2,550 บาท
การใช้ Net Metering ก็จะช่วยประหยัดค่าไฟไปได้อีก 3,825 – 2,550 = 1,275 บาท
ในการผลิตกระแสไฟฟ้ามากเกินความต้องการนั้น นอกจากขนาดของโซล่าเซลล์แล้ว ยังมีตัวแปรอื่น ๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าได้ เช่น Smart Solar Optimizer หรืออินเวอร์เตอร์ของโซล่าเซลล์ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะช่วยให้การติดตั้งโซล่าเซลล์ภายในบ้านและธุรกิจของคุณคุ้มค่าได้มากขึ้น
อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม : Smart Solar Optimizer และ Power Optimizer คืออะไร? ต่างกันอย่างไร? มีบทบาทอย่างไรในระบบโซล่าเซลล์
ข้อดีของ Net Metering
การใช้ระบบ Net Metering นอกจากเรื่องประหยัดต้นทุนค่าไฟฟ้าแล้ว ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีก ดังนี้
- ลดมลพิษจากการผลิตไฟฟ้า Net Metering จะช่วยกระตุ้นให้ผู้คนหันมาใช้พลังงานสะอาดหมุนเวียนกันมากขึ้น
- ช่วยกระจายการเข้าถึงไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่
- การไฟฟ้าส่วนกลางได้รับไฟฟ้าเพิ่มช่วงที่มีการผลิตไฟฟ้าปริมาณมากเกินความต้องการ ลดการผลิตไฟฟ้าด้วยการเผาพลังงานฟอสซิล
แนวโน้มการใช้ระบบ Net Metering ของประเทศไทยในอนาคต
ถึงแม้ปัจจุบันประเทศไทยจะยังไม่มีการใช้ระบบ Net Metering ด้วยข้อจำกัดหลาย ๆ อย่าง แต่ก็มีโอกาสที่จะนำระบบการวัดไฟฟ้าสุทธินี้มาใช้ หากมีการวางโครงสร้างระบบค่าไฟฟ้า และมีกฎหมายรองรับอย่างถูกต้อง รวมถึงการควบคุมปริมาณที่สามารถส่งคืนเข้าระบบได้ เพื่อที่จะให้ไม่เกิดภาระหนักแก่ครัวเรือนที่ไม่ได้ติดตั้งโซล่าเซลล์ แต่ยังคุ้มค่าสำหรับผู้ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน
ก้าวสู่อนาคต Net Metering เอื้อพลังงานหมุนเวียน กับ “ณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์” จำหน่ายสินค้าและบริการด้านอุปกรณ์ระบบโซล่าเซลล์ครบวงจร
แม้ว่าจะยังไม่มีระบบ Net Metering ในปัจจุบัน แต่การติดตั้งโซล่าเซลล์ก็ยังคงให้ความคุ้มค่าในระยะยาว เพื่อความคุ้มค่าจากระบบวัดไฟฟ้าสุทธิ Net Metering ในอนาคต ณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์ จัดจำหน่ายและให้บริการด้านอุปกรณ์ระบบโซล่าเซลล์ที่ได้มาตรฐาน รวมถึงอุปกรณ์เพิ่มประสิทธิภาพต่าง ๆ อย่าง Smart Solar Inverter, Controller, Optimizer และ Smart Solar Sensor แบบครบวงจร
รับประกันคุณภาพสินค้าด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี พร้อมบริการติดตั้ง เรายินดีให้บริการอย่างใส่ใจเพื่อมอบความมั่นใจว่าลูกค้าทุกท่านจะได้ความคุ้มค่าอย่างดีที่สุดจากเรา ณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์
สนใจแผงโซล่าเซลล์และอุปกรณ์ในระบบโซล่าเซลล์คุณภาพดี ติดต่อเรา!