เลือกสายไฟฟ้าแบบไหนให้เหมาะสมกับสถานประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรม

เลือกสายไฟฟ้าแบบไหน? ให้เหมาะสมกับสถานประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรม

ณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์ จำหน่ายสายไฟฟ้าโรงงาน

สายไฟโรงงานเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าในสถานประกอบการ การเลือกสายไฟที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้กระแสไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุทางไฟฟ้าอีกด้วย

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับประเภทสายไฟ และวิธีเลือกขนาดสายไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรม

เลือกอ่าน

การเลือกขนาดสายไฟฟ้าที่เหมาะสมกับระบบไฟฟ้าทำให้เกิดความปลอดภัยในระยะยาว

ทำไมต้องเลือกสายไฟโรงงานให้เหมาะสม?

การเลือกสายไฟโรงงานที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ สายไฟร้อนเกินไป เสื่อมสภาพเร็ว หรือเกิดอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร ดังนั้น การเลือกขนาดสายไฟที่ถูกต้อง รวมถึงการใช้ชนิดของสายไฟที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของโรงงานเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา มีดังนี้

1. ความปลอดภัย 

สายไฟที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้

2. ประสิทธิภาพการทำงาน 

สายไฟที่มีคุณภาพและขนาดที่เหมาะสมช่วยให้การจ่ายพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหากระแสไฟตกหรือโหลดเกิน

3. ความทนทาน 

สายไฟที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง

4. การปฏิบัติตามมาตรฐาน 

โรงงานควรใช้สายไฟที่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย

ประเภทสายไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมมีหลายแบบ

ประเภทของสายไฟที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม

ประเภทของสายไฟที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมมีหลายชนิด ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ดังนี้

1. สายไฟแรงดันต่ำ (Low Voltage Power Cable)

  • ใช้สำหรับระบบไฟฟ้าทั่วไปในโรงงาน เช่น ระบบแสงสว่าง และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
  • แรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 1,000V
  • วัสดุฉนวนที่ใช้ ได้แก่ PVC และ XLPE ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันความร้อนและสารเคมี

2. สายไฟแรงดันปานกลาง (Medium Voltage Power Cable)

  • เหมาะสำหรับการจ่ายพลังงานไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
  • มีระดับแรงดันไฟฟ้าระหว่าง 1kV – 35kV
  • ใช้สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างแหล่งจ่ายไฟหลักและเครื่องจักรขนาดใหญ่

3. สายไฟแรงดันสูง (High Voltage Power Cable)

  • ใช้สำหรับระบบส่งกำลังไฟฟ้าระยะไกล และโรงงานขนาดใหญ่ที่ใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก
  • รองรับแรงดันไฟฟ้ามากกว่า 35kV
  • มีฉนวนที่ทนต่อแรงดันไฟฟ้าสูง เช่น XLPE และ EPR

4. สายไฟควบคุม (Control Cable)

  • ใช้ในการส่งสัญญาณควบคุมอุปกรณ์เครื่องจักรภายในโรงงาน
  • มีฉนวนป้องกันสัญญาณรบกวนและทนต่อสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง

5. สายไฟทนไฟ (Fire Resistant Cable)

  • ใช้ในบริเวณที่มีความเสี่ยงเกิดเพลิงไหม้สูง
  • ทนไฟได้นานและไม่เกิดควันพิษเมื่อโดนไฟไหม้

6. สายไฟ VCT (Vinyl Cable Tray)

  • เป็นสายไฟที่มีฉนวน PVC หุ้ม 2 ชั้น ทนต่อแรงดึงและแรงกดได้ดี
  • เหมาะสำหรับงานเดินสายในอุตสาหกรรม เครื่องจักร และงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพแวดล้อม

7. สายไฟ CVV (Control and Versatile Voltage)

  • เป็นสายไฟชนิดควบคุมที่มีฉนวน PVC ป้องกันสัญญาณรบกวน
  • ใช้ในงานควบคุมเครื่องจักร ระบบไฟฟ้าอาคาร และโรงงานอุตสาหกรรม


อ่านบทความที่น่าสนใจ : สายไฟทำมาจากอะไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง?

พิจารณา​​ชนิดและขนาดของสายไฟฟ้าก่อนติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรม

การเลือกขนาดสายไฟให้เหมาะสมกับโรงงานอุตสาหกรรม

การเลือกขนาดสายไฟเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าในโรงงาน โดยมีหลักเกณฑ์ที่ต้องพิจารณา ดังนี้

1. กระแสไฟฟ้าที่ใช้งาน (Current Load)

เลือกสายไฟที่สามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอ โดยต้องพิจารณาค่ากระแสโหลดของอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในโรงงาน

2. ระยะทางของสายไฟ (Cable Length)

สายไฟที่ยาวเกินไปอาจทำให้เกิดแรงดันตก จึงควรเลือกขนาดสายไฟที่เหมาะสมกับระยะทางการเดินสาย

3. สภาพแวดล้อมของโรงงาน

  • โรงงานที่มีความร้อนสูง ควรเลือกสายไฟที่มีฉนวนทนความร้อน เช่น XLPE
  • โรงงานที่มีสารเคมี ควรเลือกสายไฟที่มีฉนวนป้องกันสารเคมี
  • โรงงานที่อยู่กลางแจ้ง ควรใช้สายไฟที่ทนต่อสภาพอากาศ เช่น สายไฟที่มีปลอก PE หรือ NYY

4. ประเภทของการติดตั้งสายไฟ

  • การเดินสายแบบร้อยท่อ ควรใช้สายไฟประเภท THW หรือ VAF
  • การเดินสายใต้ดิน ควรใช้สายไฟประเภท NYY หรือ XLPE
  • การเดินสายลอย ควรเลือกสายไฟที่ทนต่อแสงแดด เช่น THW หรือ VCT
การต่อสายไฟโรงงานอุตสาหกรรมแบบต่าง ๆ ควรพิจารณาให้เหมาะสมตามการใใช้งาน

การต่อสายไฟแบบต่างๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม

วิธีการต่อสายไฟที่ถูกต้องทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร โดยมีวิธีการ ดังนี้

1. การต่อแบบบัดกรี (Soldering Connection)

  • ใช้ในงานที่ต้องการการเชื่อมต่อที่แข็งแรงและลดความต้านทานของสายไฟ
  • เหมาะกับงานอิเล็กทรอนิกส์ และการเดินสายไฟที่ต้องการความแน่นหนา

2. การต่อแบบข้อต่อสายไฟ (Connector Connection)

  • ใช้ขั้วต่อสายไฟเพื่อเชื่อมต่อสายไฟเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ
  • เหมาะกับงานที่ต้องการถอดเปลี่ยนสายไฟบ่อย ๆ

3. การต่อแบบบิดเกลียว (Twist Connection)

  • ใช้สำหรับเชื่อมต่อสายไฟหลายเส้นเข้าด้วยกัน
  • เหมาะกับการเดินสายไฟภายในตู้ควบคุมไฟฟ้า
 

สายไฟฟ้าคุณภาพสูง จาก ณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์

หากต้องการสายไฟฟ้าโรงงานคุณภาพดี ได้มาตรฐานตามหลักสากล Nutthaphume Equipment มีสายไฟ 2 รุ่น นี้มาแนะนำกัน

1. สายไฟฟ้าชนิดตัวนำทองแดง (18/30(36) kV CV-AWA)

ใช้สำหรับการจ่ายไฟฟ้าทั่วไป ทั้งในพื้นที่แห้งและเปียก สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบเดินลอย ฝังดินโดยตรง ร้อยท่อสายไฟ หรือติดตั้งบนรางและร้อยท่อฝังดิน

จุดเด่นหลัก ๆ

  • อุณหภูมิสูงสุดของตัวนำ : 90 องศาเซลเซียส
  • แรงดันสูงสุด : 36 กิโลวัตต์
  • การทดสอบแรงดันไฟฟ้า AC : 63 กิโลวัตต์
สายไฟฟ้าชนิดตัวนำทองแดง (18/30(36) kV CV-AWA

ดูรายละเอียดสินค้า: สายไฟฟ้าชนิดตัวนำทองแดง (18/30(36) kV CV-AWA

2. สายไฟฟ้าชนิดตัวนำอะลูมิเนียม (25 kV SAC)

เหมาะสำหรับส่งและจำหน่ายไฟฟ้าทางอากาศ

จุดเด่นหลัก ๆ

  • อุณหภูมิสูงสุดของตัวนำ: 90 องศาเซลเซียส
  • แรงดันสูงสุด: 25,000 โวลต์
  • การทดสอบแรงดันไฟฟ้า AC: 38,000 โวลต์
สายไฟฟ้าชนิดตัวนำอะลูมิเนียม (25 kV SAC)

ดูรายละเอียดสินค้า: สายไฟฟ้าชนิดตัวนำอะลูมิเนียม (25 kV SAC)

หากต้องการดูรายการสินค้าสายไฟฟ้าเพิ่มเติม หรือดูรายการอุปกรณ์ในระบบไฟฟ้าอื่น ๆ คลิก สินค้าของเรา

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อเรา

 

การเลือกสายไฟโรงงานให้เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย และช่วยลดปัญหาสายไฟที่พบบ่อยได้ เราจึงควรเลือกประเภทของสายไฟและขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน รวมถึงคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและวิธีการติดตั้งด้วย

ผลิตภัณฑ์ของ ณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์

<p>ระบบโซลาร์เซลล์</p>

ระบบโซลาร์เซลล์

<p>เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า</p>

เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

<p>อุปกรณ์ไฟฟ้า</p>

อุปกรณ์ไฟฟ้า