
ทำไมต้องเลือกสายไฟโรงงานให้เหมาะสม?
การเลือกสายไฟโรงงานที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ สายไฟร้อนเกินไป เสื่อมสภาพเร็ว หรือเกิดอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร ดังนั้น การเลือกขนาดสายไฟที่ถูกต้อง รวมถึงการใช้ชนิดของสายไฟที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของโรงงานเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา มีดังนี้
1. ความปลอดภัย
สายไฟที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้
2. ประสิทธิภาพการทำงาน
สายไฟที่มีคุณภาพและขนาดที่เหมาะสมช่วยให้การจ่ายพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหากระแสไฟตกหรือโหลดเกิน
3. ความทนทาน
สายไฟที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
4. การปฏิบัติตามมาตรฐาน
โรงงานควรใช้สายไฟที่ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อให้มั่นใจว่าระบบไฟฟ้ามีความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย

ประเภทของสายไฟที่นิยมใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
ประเภทของสายไฟที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมมีหลายชนิด ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ดังนี้
1. สายไฟแรงดันต่ำ (Low Voltage Power Cable)
- ใช้สำหรับระบบไฟฟ้าทั่วไปในโรงงาน เช่น ระบบแสงสว่าง และเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
- แรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 1,000V
- วัสดุฉนวนที่ใช้ ได้แก่ PVC และ XLPE ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันความร้อนและสารเคมี
2. สายไฟแรงดันปานกลาง (Medium Voltage Power Cable)
- เหมาะสำหรับการจ่ายพลังงานไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
- มีระดับแรงดันไฟฟ้าระหว่าง 1kV – 35kV
- ใช้สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างแหล่งจ่ายไฟหลักและเครื่องจักรขนาดใหญ่
3. สายไฟแรงดันสูง (High Voltage Power Cable)
- ใช้สำหรับระบบส่งกำลังไฟฟ้าระยะไกล และโรงงานขนาดใหญ่ที่ใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก
- รองรับแรงดันไฟฟ้ามากกว่า 35kV
- มีฉนวนที่ทนต่อแรงดันไฟฟ้าสูง เช่น XLPE และ EPR
4. สายไฟควบคุม (Control Cable)
- ใช้ในการส่งสัญญาณควบคุมอุปกรณ์เครื่องจักรภายในโรงงาน
- มีฉนวนป้องกันสัญญาณรบกวนและทนต่อสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง
5. สายไฟทนไฟ (Fire Resistant Cable)
- ใช้ในบริเวณที่มีความเสี่ยงเกิดเพลิงไหม้สูง
- ทนไฟได้นานและไม่เกิดควันพิษเมื่อโดนไฟไหม้
6. สายไฟ VCT (Vinyl Cable Tray)
- เป็นสายไฟที่มีฉนวน PVC หุ้ม 2 ชั้น ทนต่อแรงดึงและแรงกดได้ดี
- เหมาะสำหรับงานเดินสายในอุตสาหกรรม เครื่องจักร และงานที่ต้องการความทนทานต่อสภาพแวดล้อม
7. สายไฟ CVV (Control and Versatile Voltage)
- เป็นสายไฟชนิดควบคุมที่มีฉนวน PVC ป้องกันสัญญาณรบกวน
- ใช้ในงานควบคุมเครื่องจักร ระบบไฟฟ้าอาคาร และโรงงานอุตสาหกรรม
อ่านบทความที่น่าสนใจ : สายไฟทำมาจากอะไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง?

การเลือกขนาดสายไฟให้เหมาะสมกับโรงงานอุตสาหกรรม
การเลือกขนาดสายไฟเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าในโรงงาน โดยมีหลักเกณฑ์ที่ต้องพิจารณา ดังนี้
1. กระแสไฟฟ้าที่ใช้งาน (Current Load)
เลือกสายไฟที่สามารถรองรับกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอ โดยต้องพิจารณาค่ากระแสโหลดของอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในโรงงาน
2. ระยะทางของสายไฟ (Cable Length)
สายไฟที่ยาวเกินไปอาจทำให้เกิดแรงดันตก จึงควรเลือกขนาดสายไฟที่เหมาะสมกับระยะทางการเดินสาย
3. สภาพแวดล้อมของโรงงาน
- โรงงานที่มีความร้อนสูง ควรเลือกสายไฟที่มีฉนวนทนความร้อน เช่น XLPE
- โรงงานที่มีสารเคมี ควรเลือกสายไฟที่มีฉนวนป้องกันสารเคมี
- โรงงานที่อยู่กลางแจ้ง ควรใช้สายไฟที่ทนต่อสภาพอากาศ เช่น สายไฟที่มีปลอก PE หรือ NYY
4. ประเภทของการติดตั้งสายไฟ
- การเดินสายแบบร้อยท่อ ควรใช้สายไฟประเภท THW หรือ VAF
- การเดินสายใต้ดิน ควรใช้สายไฟประเภท NYY หรือ XLPE
- การเดินสายลอย ควรเลือกสายไฟที่ทนต่อแสงแดด เช่น THW หรือ VCT

การต่อสายไฟแบบต่างๆ ในโรงงานอุตสาหกรรม
วิธีการต่อสายไฟที่ถูกต้องทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจร โดยมีวิธีการ ดังนี้
1. การต่อแบบบัดกรี (Soldering Connection)
- ใช้ในงานที่ต้องการการเชื่อมต่อที่แข็งแรงและลดความต้านทานของสายไฟ
- เหมาะกับงานอิเล็กทรอนิกส์ และการเดินสายไฟที่ต้องการความแน่นหนา
2. การต่อแบบข้อต่อสายไฟ (Connector Connection)
- ใช้ขั้วต่อสายไฟเพื่อเชื่อมต่อสายไฟเข้ากับอุปกรณ์ต่าง ๆ
- เหมาะกับงานที่ต้องการถอดเปลี่ยนสายไฟบ่อย ๆ
3. การต่อแบบบิดเกลียว (Twist Connection)
- ใช้สำหรับเชื่อมต่อสายไฟหลายเส้นเข้าด้วยกัน
- เหมาะกับการเดินสายไฟภายในตู้ควบคุมไฟฟ้า
สายไฟฟ้าคุณภาพสูง จาก ณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์
หากต้องการสายไฟฟ้าโรงงานคุณภาพดี ได้มาตรฐานตามหลักสากล Nutthaphume Equipment มีสายไฟ 2 รุ่น นี้มาแนะนำกัน
1. สายไฟฟ้าชนิดตัวนำทองแดง (18/30(36) kV CV-AWA)
ใช้สำหรับการจ่ายไฟฟ้าทั่วไป ทั้งในพื้นที่แห้งและเปียก สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบเดินลอย ฝังดินโดยตรง ร้อยท่อสายไฟ หรือติดตั้งบนรางและร้อยท่อฝังดิน
จุดเด่นหลัก ๆ
- อุณหภูมิสูงสุดของตัวนำ : 90 องศาเซลเซียส
- แรงดันสูงสุด : 36 กิโลวัตต์
- การทดสอบแรงดันไฟฟ้า AC : 63 กิโลวัตต์

ดูรายละเอียดสินค้า: สายไฟฟ้าชนิดตัวนำทองแดง (18/30(36) kV CV-AWA
2. สายไฟฟ้าชนิดตัวนำอะลูมิเนียม (25 kV SAC)
เหมาะสำหรับส่งและจำหน่ายไฟฟ้าทางอากาศ
จุดเด่นหลัก ๆ
- อุณหภูมิสูงสุดของตัวนำ: 90 องศาเซลเซียส
- แรงดันสูงสุด: 25,000 โวลต์
- การทดสอบแรงดันไฟฟ้า AC: 38,000 โวลต์

ดูรายละเอียดสินค้า: สายไฟฟ้าชนิดตัวนำอะลูมิเนียม (25 kV SAC)
หากต้องการดูรายการสินค้าสายไฟฟ้าเพิ่มเติม หรือดูรายการอุปกรณ์ในระบบไฟฟ้าอื่น ๆ คลิก สินค้าของเรา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อเรา
การเลือกสายไฟโรงงานให้เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย และช่วยลดปัญหาสายไฟที่พบบ่อยได้ เราจึงควรเลือกประเภทของสายไฟและขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน รวมถึงคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและวิธีการติดตั้งด้วย