
ทำไมต้องมีมาตรฐานการเดินสายไฟฟ้าภายในบ้าน?
การกำหนดมาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้านมีไว้เพื่อให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้านมีความปลอดภัยต่อการใช้งาน ป้องกันอุบัติเหตุ และสามารถรองรับภาระโหลดไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม โดยอ้างอิงจากมาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และการไฟฟ้านครหลวง (MEA) รวมถึงข้อกำหนดตามมาตรฐานวิศวกรรมไฟฟ้า (TIS 1869) ซึ่งเป็นมาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้าที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานที่ใช้ในระดับสากลอย่าง มาตรฐาน IEC หรือ International Electrotechnical Commission ที่ใช้กันในมาตรฐานระดับโลก

ก่อนเดินสายไฟในบ้าน ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?
เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการติดตั้งสายไฟฟ้าภายในบ้าน ก่อนตัดสินใจเลือกซื้ออุปกรณ์ที่จำเป็น ลองมาดูเช็คลิสต์สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนเดินสายไฟต่อไปนี้กัน
1. เลือกชนิดสายไฟฟ้าให้เหมาะสม
สายไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้านควรเป็นสายทองแดงหุ้มฉนวน PVC ที่มีคุณสมบัติทนแรงดันไฟฟ้าได้อย่างน้อย 300 โวลต์ รวมถึงการคำนึงถึงสีของสายไฟให้เป็นไปตามมาตรฐาน เช่นสายนิวทรัลใช้สีฟ้า สายดินใช้สีเขียวแถบเหลือง และสายไลน์ใช้สีน้ำตาล เทา หรือดำ โดยทั่วไปสายไฟที่นิยมใช้มี 4 ประเภทหลัก ได้แก่
- THW : เหมาะกับการร้อยท่อฝังผนัง
- VAF : เหมาะสำหรับเดินลอยภายในบ้านหรือในราง
- VCT และ NYY :เหมาะสำหรับงานกลางแจ้งหรือฝังดิน
การเลือกชนิดสายไฟฟ้าควรเป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน หรือหากไม่แน่ใจเกี่ยวกับสีและชนิดสายไฟ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหลีกเลี่ยงการติดตั้งผิดประเภท ซึ่งอาจเสี่ยงต่อไฟฟ้าลัดวงจรได้
อ่านบทความที่น่าสนใจ :แชร์วิธีการต่อสายไฟแบบต่าง ๆ ใช้ได้ทั้งสำหรับบ้าน สถานประกอบการ และโรงงานอุตสาหกรรม
2. ขนาดสายไฟฟ้า เลือกให้ตรงกับการใช้งาน
นอกจากชนิดของสายไฟแล้วขนาดของสายไฟฟ้าที่ใช้การเดินสายไฟในบ้านต้องรองรับกับกระแสไฟฟ้าสูงสุดที่ใช้งานจริง เพราะถ้าขนาดสายไฟเล็กเกิน อาจทำให้เกิดความร้อนจนเกิดไฟไหม้ได้ แต่ถ้าเลือกขนาดสายไฟที่ใหญ่เกินไปก็อาจสิ้นเปลืองวัสดุและต้นทุนโดยไม่จำเป็น โดยตัวอย่างขนาดสายที่ใช้ภายในบ้านอาจพิจารณาได้จากตารางต่อไปนี้
| โหลดกระแส (Amp) | ขนาดสายไฟ (ตร.มม.) | ตัวอย่างการใช้งาน |
| ไม่เกิน 10 | 1.5 | หลอดไฟ ปลั๊กขนาดเล็ก |
| 10 – 20 | 2.5 | ทีวี ตู้เย็น |
| 20 – 40 | 4 – 6 | แอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น |
| 40 – 60 | 10 | ระบบไฟหลักของบ้าน |
สำหรับการคำนวณเพื่อหาขนาดสายไฟที่เหมาะสมกับกระแสไฟฟ้าสูงสุดสามารถใช้สูตรกำลังไฟฟ้า / แรงดันไฟฟ้า = กระแสไฟฟ้าสูงสุดเมื่อได้ค่ากระแสไฟฟ้าสูงสุดแล้วให้นำไปเทียบกับตารางมาตรฐานเพื่อเลือกขนาดสายไฟที่เหมาะสม

3. ระยะห่างของสายไฟฟ้า
ตามมาตรฐานการเดินสายไฟฟ้าภายในบ้าน มีข้อกำหนดเอาไว้ว่าต้องมีระยะห่างของสายไฟเพื่อความปลอดภัยจากไฟฟ้าลัดวงจร และไฟฟ้าดูด โดยมีเกณฑ์ตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทยปี พ.ศ. 2564 ดังนี้
- รางสายไฟกับพื้นดิน ต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 30 เซนติเมตร
- รางสายไฟกับผนัง ต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 1 เซนติเมตร
- รางสายไฟกับฝ้าเพดาน ต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 1 เซนติเมตร
- รางสายไฟกับท่อแก๊ส ต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 5 เซนติเมตร
- รางสายไฟกับท่อน้ำ ต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 10 เซนติเมตร
- รางสายไฟกับท่อประปา ต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 3 เซนติเมตร
เลือกดูสินค้าและอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานจาก ณัฐภูมิ อีควิปเมนท์ ได้ที่ผลิตภัณฑ์ของเรา
4. วิธีเดินสายไฟฟ้าเข้าบ้าน
มาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้านนั้นมีหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดต่างกันไป การเลือกวิธีที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น งบประมาณ ความต้องการใช้งาน รวมถึงโครงสร้างของบ้าน ซึ่งวิธีที่ใช้เดินสายไฟหลัก ๆ แล้วแบ่งเป็น 3 วิธี ดังนี้
เดินสายไฟแบบเดินลอย
วิธีเดินสายไฟฟ้าที่เหมาะกับบ้านหลายสไตล์ ข้อดีคือติดตั้งง่าย มองเห็นความผิดปกติและซ่อมแซมได้สะดวกแต่ข้อจำกัดคืออาจทำให้ดูรกตาและลดความสวยงามภายในบ้าน จากอุปกรณ์และสายไฟฟ้าที่ยื่นออกมา
เดินสายไฟแบบฝังผนัง
วิธีที่นิยมใช้กับบ้านสไตล์โมเดิร์น ข้อดีคือมีความสวยงามเป็นระเบียบ แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของการซ่อมแซมทำได้ยาก เพิ่มหรือลดสายไฟในอนาคตได้ยาก ที่สำคัญคือต้องให้ช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญ ช่วยออกแบบและวางแผนก่อนติดตั้ง
เดินสายไฟแบบร้อยท่อ
วิธีนี้จะเดินสายไฟผ่านท่อ PVC หรือท่อโลหะ เป็นวิธีที่มีความสวยงามและมีข้อดีในเรื่องของการป้องกันสายไฟ แต่วิธีนี้ก็จำเป็นต้องผ่านการออกแบบของช่างไฟฟ้าเพื่อความสวยงามเช่นเดียวกัน

5. อุปกรณ์ตามมาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้าภายในบ้าน
นอกจากประเภท ขนาด และวิธีติดตั้งสายไฟฟ้าแล้ว การติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ตามมาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้านก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัยเช่นเดียวกัน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- การติดตั้งตู้เมนไฟฟ้า ควรติดอยู่ที่ชั้นลอยหรือชั้นสองเพื่อลดความเสี่ยงกรณีน้ำท่วม โดยหากเป็นบ้านชั้นเดียว ควรติดตั้งตู้เมนไฟฟ้าสูงจากพื้นไม่น้อยกว่า 1.6 เมตร และควรมีการแยกวงจรย่อยเพื่อควบคุมการจ่ายไฟฟ้าในแต่ละส่วนของบ้าน
- การติดตั้งสวิตช์และเต้ารับตามมาตรฐานควรอยู่ในตำแหน่งที่สูงพอเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากน้ำท่วม
- หากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง หรือมีการเดินสายไฟฟ้านอกบ้าน ควรมีการติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว เพื่อลดความเสี่ยงจากอันตรายเมื่อมีไฟฟ้าลัดวงจรหรือกระแสไฟฟ้ารั่วไหล
- ทุกบ้านจำเป็นต้องติดตั้งสายดินตามข้อกำหนดของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกรณีที่มีไฟฟ้ารั่ว
ขั้นตอนการเดินสายไฟในบ้าน
เมื่อทราบถึงข้อกำหนดและมาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้านแล้ว ต้องมีการวางแผนและดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าในบ้านอย่างเป็นระบบ เพื่อความปลอดภัย ซึ่งขั้นตอนเบื้องต้นในการเดินสายไฟฟ้าในบ้านมีรายละเอียดดังนี้
- วางตำแหน่งของสวิตช์ ปลั๊กไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านทั้งหมด จากนั้นให้วางแผนเส้นทางเดินสายไฟ เพื่อให้เกิดความสวยงาม เป็นระบบ และมีความปลอดภัยตามมาตรฐาน
- เลือกประเภทและขนาดสายไฟฟ้าที่เหมาะสมกับประเภทของการใช้งาน และปริมาณโหลดไฟฟ้าที่ใช้จริง
- ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และกระแสเกิน
- เดินสายไฟในบ้านตามเส้นทางและวิธีที่ได้วางแผนไว้
- ทำการเชื่อมต่อสายไฟกับสวิตช์ ปลั๊กไฟ และอุปกรณ์ต่าง ๆ และตรวจสอบอีกครั้งก่อนใช้งานจริง
สิ่งสำคัญของการเดินสายไฟในบ้านเป็นไปตามมาตรฐานคือ ต้องดูแลและดำเนินทุกขั้นตอนโดยช่างไฟฟ้าที่ชำนาญและมีใบอนุญาต เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนติดตั้งตามข้อกำหนด ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว

ปลอดภัยจากไฟฟ้าลัดวงจร เริ่มต้นที่มาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้าน
การใส่ใจกับมาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้าน ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะการเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าตั้งแต่ประเภทและวิธีติดตั้งสายไฟฟ้า ถือเป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยในบ้านและการใช้งานระบบไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือเป็นข้อกำหนดตามระเบียบของการไฟฟ้าที่ต้องปฏิบัติตาม นี่จึงเป็นอีกเรื่องที่เจ้าของบ้านทุกคนไม่ควรละเลย
สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตจากณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์ ได้ทันที ด้วยประสบการณ์ด้านระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานรับรอง เพื่อให้บ้านของคุณปลอดภัยในระยะยาว
สอบถามข้อมูลได้ที่ติดต่อเรา หรือโทร 083-424-6999 และสามารถแอดไลน์ได้ที่@npeq
แหล่งอ้างอิง :
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ มาตรฐานการเดินสายไฟเข้าบ้าน
1. จำเป็นไหมที่ต้องเดินสายไฟภายในบ้านให้เป็นไปตามมาตรฐาน?
จำเป็นอย่างมาก เพราะมาตรฐานการเดินไฟเข้าบ้านช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบไฟฟ้า ลดความเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจร ไฟดูด หรือไฟไหม้ และยังทำให้การซ่อมบำรุงในอนาคตเป็นไปได้สะดวกยิ่งขึ้น
2. สามารถเดินสายไฟเองโดยไม่ใช้ช่างไฟฟ้าได้หรือไม่?
ไม่แนะนำให้เดินสายไฟเองหากไม่มีความรู้และประสบการณ์ เพราะอาจเกิดการต่อผิด หรือใช้วัสดุไม่เหมาะสมกับการติดตั้ง ควรให้ช่างไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตเป็นผู้ดำเนินการเท่านั้น
3. ต้องใช้สายดินหรือไม่ถ้าบ้านมีเบรกเกอร์อยู่แล้ว?
จำเป็น เพราะสายดินช่วยนำกระแสไฟรั่วลงดินโดยตรง ป้องกันไม่ให้ไหลผ่านร่างกาย แม้จะมีเบรกเกอร์หรือ RCB แล้วก็ตาม และการระบบเดินสายดินยังเป็นข้อบังคับตามกฎหมายของการไฟฟ้าด้วย