หน้าที่ของหม้อแปลงไฟฟ้า
หน้าที่ของหม้อแปลงไฟฟ้า คือ ช่วยเปลี่ยนระดับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้านเรือน ระบบไฟฟ้าโรงงานอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ การทำงานของหม้อแปลงไฟฟ้าจึงต้องมีความเสถียรและปลอดภัยอยู่เสมอ เพราะเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นอาจส่งผลให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดหยุดการทำงานได้ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีไฟฟ้าใช้ในการอำนวยความสะดวกเรื่องแสงส่องสว่าง ระบบปรับอากาศ
โดยเฉพาะกรณีที่หม้อแปลงไฟฟ้าโรงงานชำรุด อาจส่งผลให้ต้องสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ เพราะมีกำลังผลิตจากเครื่องจักรอุตสาหกรรมไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงต้องให้ความสำคัญตรวจสอบและบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง (PM หม้อแปลงไฟฟ้า) เพื่อให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ โดยกำหนดให้ความถี่ในการ PM หม้อแปลงไฟฟ้าอยู่ที่ ปีละครั้ง หรือ 2 ปี/ครั้ง
อ่านบทความน่าสนใจเพิ่มเติม : หม้อแปลงไฟฟ้า คืออะไร ช่วยป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายได้อย่างไร ?
ปัจจัยที่ส่งผลให้หม้อแปลงไฟฟ้าเสื่อมสภาพ
สาเหตุของการเสื่อมสภาพของหม้อแปลงไฟฟ้า อาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยเดียว หรือเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยร่วมกันได้ โดยมีสาตเหตุที่พบบ่อย เช่น
- สถานที่ติดตั้ง : สถานที่ติดตั้งที่ไม่เหมาะกับชนิดของหม้อแปลงไฟฟ้า ทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรก ความชื้น หรือสารเคมีในอากาศ ส่งผลให้หม้อแปลงไฟฟ้าเสื่อมสภาพ
- การใช้งาน : การใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าที่เกินกำลัง การสะสมของความร้อนและส่งผลให้เกิดความผิดปกติของแรงดันหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งหากโอเวอร์โหลดบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดได้
- ขาดการบำรุงรักษา : หม้อแปลงที่ขาดการตรวจสอบและขาดการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม อาจมีการสะสมของความผิดปกติและไม่ได้รับการไขตั้งแต่แรก ทำให้เกิดความเสียหายในระดับที่ไม่สามารถใช้งานได้ หรือเกิดการลัดวงจรในระบบไฟฟ้าได้
ความสำคัญของการตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้า
การตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าไม่เพียงแค่ให้เราได้รู้ถึงสภาพโดยรวมของหม้อแปลงเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญในหลายด้านที่ส่งผลต่อการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูงได้ในระยะยาว โดยเฉพาะ 3 ด้านต่อไปนี้
1. ป้องกันปัญหาล่วงหน้า
การตรวจสอบและบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นขั้นตอนที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาและอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับไฟฟ้า เช่น การระเบิดของหม้อแปลง ไฟไหม้ และไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้ระบบไฟฟ้าโรงงานหรือที่อยู่อาศัยเกิดความเสียหาย
2. ยืดอายุการใช้งาน
การบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าอยู่เสมอ ยังเป็นวิธีที่ช่วยยืดอายุและทำให้หม้อแปลงไฟฟ้าสามารถดึงประสิทธิภาพในการทำงานออกมามากที่สุด รวมถึงการทำงานของระบบไฟฟ้าที่มีความเสถียรอย่างต่อเนื่องด้วย
3. ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง
การตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าสม่ำเสมอ คือวิธีที่ช่วยให้ผู้ตรวจสอบพบปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งบางกรณีอาจเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขได้ทันที ช่วยลดการเกิดปัญหาในระยะยาวหรือปัญหาใหญ่ภายในครั้งเดียวซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูง หรืออาจถึงขั้นที่ต้องติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าใหม่
วิธีการเลือกผู้ตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าที่เหมาะสม
เมื่อการตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้ามีความสำคัญมาก การเลือกผู้ตรวจสอบจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เพราะผู้ตรวจสอบต้องมีความรู้และความเข้าใจในการซ่อมบำรุงหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง โดยวิธีเลือก ผู้ตรวจสอบระบบไฟฟ้า ที่มีความเหมาะสมสามารถพิจารณาได้ ดังนี้
- ใบรับรอง : ผู้ตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าควรมีใบรับรองจากองค์กรที่เชื่อถือได้ในด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และมีการกำหนดมาตรฐานขั้นตอนในการตรวจสอบที่ชัดเจน
- ประสบการณ์ : ต้องมีประสบการณ์ในงานอุตสาหกรรมไฟฟ้าหรือมีความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบระบบไฟฟ้าโรงงาน
- อุปกรณ์ : อุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบและบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง ต้องมีความทันสมัย แม่นยำ และเป็นเครื่องมือที่อยู่ในสภาพใหม่พร้อมใช้งาน
- การสื่อสาร : ในขั้นตอนสอบถามข้อมูล ผู้ตรวจสอบที่มีความเชี่ยวชาญต้องให้คำแนะนำที่ตรงไปตรงมา ตอบคำถามได้ และมีคำแนะนำที่เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหา
- ตัวอย่างผลงาน : ผู้ให้บริการตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าที่มีประสบการณ์ มักจะมีตัวอย่างโครงการที่เคยทำ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและเป็นส่วนประกอบการพิจารณาว่าจ้าง
ข้อดีของการเลือกผู้ตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน
การเลือกผู้ตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการการดูแลอย่างละเอียดและถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งานระยะยาวของเครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยข้อดีของการตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานมีดังนี้
1. มั่นใจในความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า
ผู้ตรวจสอบที่ได้มาตรฐานมีความเชี่ยวชาญและผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะสามารถตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือปัญหาทางเทคนิคอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
2. ตรวจสอบและแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ตรวจสอบที่ผ่านการฝึกอบรมและได้รับใบรับรองจะสามารถตรวจพบปัญหาที่อาจมองข้ามได้ง่าย เช่น การเสื่อมสภาพของฉนวน ความผิดปกติของน้ำมันหม้อแปลง หรือความร้อนสะสมในจุดต่าง ๆ พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาได้ในทันที
3. รายงานผลตรวจสอบที่ชัดเจนและครบถ้วน
ผู้ตรวจสอบที่ได้มาตรฐานมักมีรูปแบบรายงานที่ชัดเจนและครบถ้วน โดยระบุผลการตรวจสอบและคำแนะนำสำหรับการดูแลรักษาหรือการแก้ไขปัญหา ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถวางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ยืดอายุการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้า
การตรวจสอบที่ได้มาตรฐานช่วยให้สามารถดูแลรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าได้อย่างถูกต้อง ลดการเสื่อมสภาพและความเสียหายที่ไม่จำเป็น ส่งผลให้หม้อแปลงไฟฟ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
การเลือกผู้ตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความปลอดภัย แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่อประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาวของหม้อแปลงไฟฟ้า พร้อมทั้งช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับเครื่องจักรอุตสาหกรรม เครื่องใช้ไฟฟ้าในอาคารสำนักงานได้อีกด้วย
มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพระบบไฟฟ้าของคุณกับ Nutthaphume Equipment ที่ให้บริการครบวงจรในด้านการตรวจสอบและบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้า ดำเนินงานโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานระดับสูง ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี เรามุ่งเน้นความปลอดภัยและความเสถียรของระบบไฟฟ้า เพื่อให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่นในทุกสถานการณ์