อุปกรณ์จ่ายไฟอุตสาหกรรมมีกี่ประเภท?
สำหรับอุปกรณ์จ่ายไฟ หรือ Power Supply ที่ใช้ในระบบไฟฟ้าโรงงานอุตสาหกรรมมีอยู่หลายประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีความแตกต่างกันในเรื่องการใช้งาน ดังนี้
Switching Power Supply
เหมาะกับงานที่ต้องการขนาดกะทัดรัด ประสิทธิภาพสูง เสียพลังงานน้อย เช่น ระบบอัตโนมัติ สายพานลำเลียง
Linear Power Supply
เหมาะกับงานที่ต้องการความเที่ยงตรง ไร้คลื่นรบกวน เช่น ห้องทดลอง หรืออุปกรณ์วัดสัญญาณอ่อนไฟฟ้า
UPS (Uninterruptible Power Supply)
เหมาะสำหรับการสำรองไฟกรณีฉุกเฉิน ป้องกันข้อมูลสูญหายและความเสียหายของเครื่องจักร
อ่านบทความที่น่าสนใจ : อุปกรณ์จ่ายไฟในโรงงานอุตสาหกรรมมีกี่ประเภท? แต่ละแบบเหมาะกับงานลักษณะใด
การเลือกอุปกรณ์จ่ายไฟฟ้าโรงงาน ไม่เพียงแต่ต้องเลือกประเภทให้เหมาะสมกับการใช้งานเท่านั้น แต่ยังต้องเลือกให้ตอบโจทย์ด้านความปลอดภัย ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามรายละเอียดของ 5 เช็คลิสต์ต่อไปนี้
1. ตรวจสอบความเข้ากันได้ของ อุปกรณ์จ่ายไฟกับระบบไฟฟ้า
สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกใช้อุปกรณ์จ่ายไฟ คือ ความเข้ากันได้กับระบบไฟฟ้าโรงงานที่ใช้งานอยู่เดิม ทั้งในเรื่องของแรงดันไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า ความถี่ และรูปแบบของระบบไฟฟ้า เช่น หากโรงงานของคุณใช้ระบบแรงดันไฟสูง ควรเลือกหม้อแปลงไฟฟ้าที่รองรับแรงดันได้เพียงพอ และหากเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่ ควรใช้สายไฟฟ้าที่มีขนาดและค่าการนำไฟฟ้าเหมาะสมตามข้อกำหนด
นอกจากนี้ ควรเลือกอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม ทั้ง มาตรฐาน IEC (International Electrotechnical Commission) และมาตรฐาน มอก. สำหรับการใช้งานในประเทศไทย เพราะการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจนำไปสู่ปัญหาด้านความปลอดภัย การติดตั้ง และอายุการใช้งานของอุปกรณ์ในระบบไฟฟ้าโรงงาน
2. พิจารณาสภาพแวดล้อมในการติดตั้งอุปกรณ์จ่ายไฟ
การเลือกจุดติดตั้งอุปกรณ์สำหรับจ่ายไฟในโรงงานอุตสาหกรรม จำเป็นต้องพิจารณาจากสภาพแวดล้อมโดยรวม เพราะส่งผลต่ออายุการใช้งานและประสิทธิภาพของ Power Supply โดยตรง ซึ่งสิ่งที่ต้องพิจารณามี ดังนี้
- ความชื้น
- อุณหภูมิ
- การสัมผัสสารเคมี
- ฝุ่นละออง
- สัตว์รบกวน เช่น งู หนู หรือแมลง
หากอุปกรณ์ไม่ได้ออกแบบมาให้ทนต่อสภาพแวดล้อมเฉพาะเหล่านี้ อาจเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าที่ควร หรือก่อให้เกิดอุบัติเหตุในระบบไฟฟ้าได้
แนวทางที่แนะนำ
การติดตั้งอุปกรณ์สำหรับจ่ายไฟฟ้าโรงงานอุตสาหกรรมที่เหมาะสมต่อสภาพแวดล้อม สามารถใช้แนวทางต่อไปนี้ได้
- ใช้ลูกถ้วยไฟฟ้าที่ทนความชื้นและอุณหภูมิ สำหรับพื้นที่ที่มีฝนตกบ่อยหรืออุณหภูมิแปรปรวน
- ใช้อุปกรณ์กันงูในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันสัตว์เลื้อยคลานเข้ามารบกวนอุปกรณ์หรือสายไฟฟ้า
- สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับเคมี ควรเลือกอุปกรณ์วงจรไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนจากสารเคมี
ณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์ ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์จ่ายไฟที่ครบครัน ได้มาตรฐานความปลอดภัย สนใจสั่งซื้อคลิก เลือกชมผลิตภัณฑ์
3. เลือกอุปกรณ์จ่ายไฟที่ประหยัดพลังงานและคุ้มค่าระยะยาว
การเลือกใช้อุปกรณ์จ่ายไฟที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าไฟฟ้าในระยะยาว แต่ยังช่วยลดความร้อนสะสมภายในวงจรไฟฟ้าและช่วยยืดอายุของอุปกรณ์ในระบบ
จุดสำคัญที่ควรตรวจสอบ
- ค่า Efficiency (%) ของหม้อแปลงไฟฟ้า หรือ Power Supply
- สายไฟฟ้าควรมีค่าการนำไฟฟ้าสูง
- การติดตั้งระบบพลังงานทางเลือก เช่น ระบบโซล่าเซลล์ ควรเลือกใช้แผงคุณภาพสูง ระบบ Smart Inverter และ Optimizer ที่มีคุณภาพ และที่สำคัญต้องรองรับกับพลังงานไฟฟ้าโดยรวมภายในโรงงานอุตสาหกรรมด้วย
แม้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงอาจมีราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไปเล็กน้อย แต่หากคำนวณจากค่าใช้จ่ายระยะยาวแล้ว ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และตอบโจทย์กับธุรกิจอุตสาหกรรมยุคใหม่อย่างแท้จริง
4. เผื่อความสามารถรองรับการขยายระบบไฟฟ้าในอนาคต
ระบบไฟฟ้าโรงงานควรมีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับต่อการเติบโตของธุรกิจในอนาคต เช่น การขยายกำลังผลิต หรือเพิ่มสายการผลิตใหม่ ดังนั้น อุปกรณ์จ่ายที่เลือกใช้จึงจำเป็นต้องตอบโจทย์กับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตด้วย
สิ่งที่ควรพิจารณา
- หม้อแปลงไฟฟ้าควรมีกำลังสำรอง อย่างน้อย 20-30% เพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงของโหลดไฟฟ้า และป้องกันการทำงานเกินพิกัด
- ระบบไฟฟ้าแรงต่ำควรเผื่อวงจรสำรองไว้สำหรับเครื่องจักรในอนาคต เพื่อรองรับสถานการณ์ที่ระบบไฟฟ้าหลักเกิดปัญหา วงจรสำรองจะทำงานแทน ช่วยลดการเกิดปัญหาการทำงานของเครื่องจักรได้
- หากมีแผนรองรับยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม ควรติดตั้งเครื่องชาร์จ EV เอาไว้ตั้งแต่ระยะแรกของการวางระบบ เพื่อรองรับการใช้งาน
การวางแผนระบบไฟฟ้าเผื่อการขยายล่วงหน้า จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในอนาคต และไม่กระทบต่อกระบวนการผลิตเมื่อมีการติดตั้งเครื่องจักรเพิ่ม
5. ตรวจสอบบริการหลังการขาย และการรับประกันอุปกรณ์จ่ายไฟ
อุปกรณ์จ่ายไฟอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีวงจรไฟฟ้าที่มีความซับซ้อน หากเกิดปัญหาขึ้นจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ และควรได้รับบริการที่รวดเร็วเพื่อไม่ให้กระทบต่อการผลิต ดังนั้นการเลือกซื้อจากผู้จัดจำหน่ายที่มีบริการหลังการขาย และมีการรับประกันสินค้า จึงเป็นอีกเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
สิ่งที่ต้องพิจารณา
- ระยะเวลารับประกันของผลิตภัณฑ์
- บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษา
- การให้คำปรึกษาด้านเทคนิคโดยวิศวกรที่เชี่ยวชาญ
- การจัดหาอะไหล่สำรองในกรณีเร่งด่วน
ผู้ให้บริการที่มีความพร้อมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการหลังการขาย จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าจะทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
อุปกรณ์จ่ายไฟไม่ใช่แค่สินค้า แต่คือการลงทุนในระบบอุตสาหกรรมของคุณ
การเลือกอุปกรณ์จ่ายไฟที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าโรงงาน แต่ยังเป็นการป้องกันความเสียหาย และสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจในระยะยาว แม้ว่าการลงทุนกับอุปกรณ์บางชนิดอาจมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับความคุ้มค่าในระยะยาวแล้ว ถือว่าเป็นตัวเลือกที่มีความคุ้มค่าและบ่งบอกถึงความเป็นมืออาชีพในธุรกิจอุตสาหกรรมได้มากกว่า
หากคุณกำลังมองหาอุปกรณ์ในระบบจ่ายไฟ หรือ Power Supply คุณภาพสูง รองรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรม ณัฐภูมิ อีควิปเม้นท์ พร้อมให้คำปรึกษา และนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อเรา หรือโทร 083-424-6999 และสามารถแอดไลน์ได้ที่ @npeq
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ อุปกรณ์จ่ายไฟอุตสาหกรรม
1. การเลือกหม้อแปลงไฟฟ้า ควรเผื่อโหลดเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม?
แนะนำให้เผื่อโหลดไว้อย่างน้อย 20–30% จากการใช้งานจริงในปัจจุบัน เพื่อรองรับการขยายกิจการในอนาคต เช่น การเพิ่มเครื่องจักร หรือสายการผลิต
2. จะรู้ได้อย่างไรว่าอุปกรณ์จ่ายไฟที่เลือกตรงตามมาตรฐาน?
ตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองจากมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น IEC, UL, หรือ มอก. นอกจากนี้ควรเลือกซื้อจากผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือ มีการรับประกันสินค้า
3. จำเป็นต้องใช้สายไฟเฉพาะสำหรับงานโรงงานหรือไม่?
จำเป็น เพราะสายไฟฟ้าในโรงงานต้องรองรับกระแสสูง ทนความร้อน และมีฉนวนที่เหมาะกับสภาพแวดล้อม เช่น ฝุ่น ความชื้น หรือสารเคมี การใช้สายไฟทั่วไปอาจเสี่ยงต่อการชำรุดและเกิดไฟไหม้ในระบบได้